รับปิดงบการเงินเปล่า
ให้บริการด้านการจัดตั้งธุรกิจ รับปิดงบการเงินเปล่า รับปิดงบการเงินทั่วไทย ทราบกันดีว่า ทุกๆ สิ้นปี 31 ธันวาคม นิติบุคคลจะต้องปิดงบการเงิน เพื่อ นำส่ง กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีระยะเวลากำหนดรับงบการเงิน หากยื่น เกินกำหนด ก็จะก่อให้เกิด ค่าปรับต่างๆ และยังส่งผลกระทบด้านอื่น ตามมา เช่น บางบริษัท อาจจะเป็นต้องใช้งบการเงินในการยืมกู้สินเชือต่างๆ หรือใช้ประมูลงานราชการซึ่งจำเป็นต้องใช้งบการเงิน ประกอบ ดังนั้น บริษัท ยินดีที่จะให้บริการ ปิดงบการเงินให้กับ นิติบุคคล เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญ นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม มูลนิธิ นิติบุคคลหมู่บ้าน โรงเรียน ฯลฯ การยื่นภาษีบุคคลธรรมดา ใบทะเบียนพาณิชย์ (ร้านค้า) หน้าที่การยื่น แบบแสดงรายได้ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ ให้ยื่น ภายในสินเดือน มีนาคม ของทุกปี ซึ้งของดีคือ ผุ้ประกอบการสามารรถใช้เอกสารการเสียภาษี เป็นเอกสารประกอบการยืมกู้ของสินเชือได้ เพราะสถาบันการเงินจะขอหลักฐานที่แสดงว่ามีรายได้
บริการเริ่มตั้งแต่การให้ คำแนะนำในการเลือกประเภทจดทะเบียนธุรกิจ วางระบบบัญชี ทำบัญชีรายเดือน การวางแผนกำหนดชำระภาษี ปิดงบการเงิน จนถึง ตรวจสอบงบการเงิน พร้อมนำส่ง กระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากร ให้ทันตามเวลากำหนด โดยให้ลูกค้าเสียภาษี น้อยที่สุดตามที่กฎหมายกำหนด
สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ ไม่ใช่การจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือจดห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่เป็นเรื่องของการวางแผนภาษี การจัดทำบัญชี มากกว่า การดูแลให้ธุรกิจอยู่รอดในแต่ละปี ทำอย่างไรถึงจะมีงานตลอด ขายของได้ตลอด มียอดขายดี สิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องการมากกว่าแค่การทำบัญชีทั่วๆไป คือ “คำปรึกษา” ซึ่งทางบริษัท ควิกแอคเคาท์ติ้ง จำกัด เป็นมากกว่าสำนักงานบัญชี สิ่งที่เราให้ จะมีมูลค่ามากกว่าค่าบริการที่เราได้รับ เราให้ได้เพราะเราขาย “ประสบการณ์” ประสบการณ์ที่ผู้บริหารหลายท่านต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แต่เรานำมาถ่ายทอดให้ท่านฟรี เพียงเพราะเราต้องการให้ธุรกิจของท่านเติบโต และดำเนินไปด้วยความราบรื่นด้วยดีตลอดไป
ปรึกษาเรื่องการปิดงบการเงิน จดทะเบียนบริษัท ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เราดำเนินงานด้าน รับจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนบริษัท อย่างมีระบบ และคำนึงถึงความถูกต้อง เราสามารถช่วยหาทางออกในการดำเนินธุรกิจของท่านให้ประสบความสำเร็จได้ โทร 083-622-5555
รับปิดงบเปล่า รับปิดงบการงานเงินเปล่า ปิดงบเปล่า ปิดงบการเงินเปล่า ปิดงบเปล่าด่วน
บริการจดทะเบียนบริษัท
รับจดทะเบียนบริษัททุกประเภท ทั่วไทย เริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา จองชื่อนิติบุคคล จัดเตรียมแบบ ไปจดทะเบียน ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
บริการขอใบอนุญาต
บริการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงงาน ท่องเที่ยว ใบอนุญาต อย.และ สคบ. ขอวีซ่า work permit ขออนุญาตเป็นตัวแทนออกของ
บริการด้านรับทำบัญชี
บริการด้านรับทำบัญชี เพียงไม่กี่รายในประเทศไทย ที่มีมาตรฐานในการทำงาน เนื่องด้วยผู้บริหารหลายท่าน มีวิสัยทัศน์ในเรื่องการบริหาร การตลาดยุคใหม่
พิเศษ !!! สำหรับลูกค้าจดทะเบียนใหม่
ส่วนลดพิเศษ!! จัดทำเว็บไซต์จาก
ปกติ 12,000 บาท เหลือเพียง 5,000 บาท
ฟรี !!! ระบบอีเมล์ภายใต้ชื่อโดเมนเนม
พิเศษ !!! ลูกค้าจดทะเบียนใหม่และทำบัญชี
- ฟรี เว็บไซต์ สำหรับบริษัทพร้อมแนะนำการทำตลาดออนไลน์
- ฟรี ออกแบบโลโก้บรษัท
- ฟรี รูปแบบใบส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินและเอกสารสำคัญอื่นๆ
- ฟรี ขึ้นทะเบียน ระบบ E-FILING เพื่อใช้นำส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์
- ฟรี จดทะเบียน ภ.อ.01 เพื่อใช้ยื่นภาษีผ่าระบบออนไลน์
- ฟรี จัดเตรียมเอกสารขึ้นทะเบียน E-GP (ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ)
- ฟรี ที่ปรึกษาด้านการตลาดและบริหารธุรกิจ
สิ่งที่ลูกค้าได้รับ
ฟรี จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฟรี ออกแบบตรายางให้เลือก 3 แบบ
ฟรี ตรายางหมึกในตัว 2 อัน *
ฟรี ไฟล์ตรายาง สำหรับนำไปใช้งาน (ไฟล์ AI)
ฟรี เอกสารสำหรับเปิดบัญชีธนาคาร
ฟรี แบบฟอร์มเอกสารทางบัญชี
ฟรี นามบัตรสำหรับออกใบกำกับภาษี
ฟรี คอร์สอบรมผู้ประกอบการใหม่ (มูลค่า 5,900 บาท)
ฟรี จัดทำบัญชี ฟรี 1 เดือน ***
ใบสำคัญจดทะเบียนพาณิชย์
หนังสือรับรองบริษัท
รายละเอียดวัตถุประสงค์บริษัท
รายงานการประชุมตั้งบริษัท
หนังสือบริคณห์สนธิ (บอจ.2)
รายการจดทะเบียนจัดตั้ง (บอจ.3)
สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
ออกแบบเว็บไซต์ องค์กร/หน่วยงาน ราคาพิเศษ 5,000 บาท
*** หมายเหตุ
- * ตรายางอันที่ 2 และ 3 เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
- *** จัดทำบัญชีฟรี 1 เดือน สำหรับลูกค้าใหม่ที่ตกลงใช้บริการทำบัญชี ตั้งแต่ 12 เดือน ขึ้นไป
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตบางบอน
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตทุ่งครุ
-
รับปิดงบการเงินเปล่าเขตบางนา
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตวังทองหลาง
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตสะพานสูง
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตบางแค
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตบางคอแหลม
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตคลองสาน
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตบางกอกใหญ่
-
รับปิดงบการเงินเปล่า เขตธนบุรี
จังหวัดนครปฐม
คำขวัญ: ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี
พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน
นครปฐม เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย เป็นหนึ่งในห้าจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร จังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน เชื่อว่าเป็นที่ตั้งเก่าแก่ของเมืองในสมัยทวารวดี โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นจำนวนมาก
ประวัติ
ก่อนประวัติศาสตร์
มีการพบหลักฐานโบราณคดีที่อาจมีอายุอยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ชิ้นส่วนขวานหินขัด ชิ้นส่วนกำไรหิน เศษภาชนะสำริดลักษณะคล้ายขัน และชิ้นส่วนเศษกระดูกมนุษย์ ที่แหล่งโบราณคดีไร่นายจิ๋ว บุญรักษา ที่ตำบลบ้านยาง อำเภอเมืองนครปฐม และที่แหล่งโบราณคดีไร่จรัลเพ็ญ บ้านหนองกบ ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน
แหล่งโบราณคดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หมายเลข 1 ได้พบกะโหลกศีรษะมนุษย์โบราณ ลูกปัดหิน และกำไรสำริดจำนวนหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวเคยเป็นสถานที่ฝังศพของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ยุคเหล็ก กำหนดอายุราว 2,000 ปีมาแล้ว ส่วนแหล่งโบราณคดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หมายเลข 2 พบโครงกระดูกมนุษย์ซึ่งมีการนำภาชนะเครื่องดินเผาวางอุทิศ สันนิษฐานว่าแหล่งโบราณคดีนี้เป็นสถานที่ฝังศพของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย มีลักษณะเป็นสังคมแบบเกษตรกรรม:164–166
สมัยทวารวดี
เมืองนครปฐมโบราณเริ่มมีชุมชนมาตั้งถิ่นฐานมาแล้วอย่างน้อยตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 8–11 โดยมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13–14 และเสื่อมความสำคัญลงในพุทธศตวรรษที่ 17
บริเวณที่ตั้งของเมืองนครปฐมโบราณในราวพุทธศตวรรษที่ 11–16 ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก จากหลักฐานทางโบราณคดีพบสมอเรือขนาดใหญ่ที่วัดธรรมศาลา นอกจากนั้นยังมีชื่อหมู่บ้านในเขตเมืองนครปฐมที่แสดงถึงพื้นที่ที่เคยอยู่ริมทะเล เช่น แหลมบัว แหลมกระเจา แหลมมะเกลือ แหลมชะอุย หรือบ้านอ่าว เป็นต้น55
เมืองนครปฐมโบราณที่สำคัญในสมัยทวารวดี คือ เมืองนครชัยศรี หรือเรียกว่า นครไชยลิน หรือ เมืองพระประโทณ เมืองตั้งอยู่ห่างจากพระปฐมเจดีย์ออกไปทางทิศตะวันออกราว 2 กิโลเมตร มีศูนย์กลางอยู่ที่วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร เป็นเมืองใหญ่ขนาด 3,600 × 2,000 เมตร ภายในเมืองนี้พบร่องรอยโบราณสถานจำนวนมาก อาทิ พระประโทณเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง กับเจดีย์จุลประโทน ส่วนโบราณสถานที่อยู่นอกเมืองคือ วัดพระเมรุ พระปฐมเจดีย์ วัดพระงามอยู่ทางทิศตะวันตก ทิศตะวันออกคือ วัดธรรมศาลา ทางทิศใต้คือ วัดดอนยายหอม
ยังมีเมืองโบราณอีกแห่ง คือ เมืองกำแพงแสน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดนครปฐมไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร มีรูปร่างเกือบกลมล้อมรอบด้วยคูน้ำคันดิน มีเนื้อที่ประมาณ 315 ไร่ คูเมืองมีความกว้าง 30 เมตร พบโบราณวัตถุเช่น ธรรมจักรศิลา พระพุทธรูปสำริด ระฆังหิน ลายปูนปั้นประดับศาสนาสถาน หินบดยา แหวนโลหะ และเนื่องจากเมืองกำแพงแสนตั้งอยู่ระหว่างเมืองอู่ทองและเมืองนครชัยศรี จึงสันนิษฐานว่าเมืองกำแพงแสนเป็นเมืองเศรษฐกิจทั้งทางน้ำและทางบก เป็นสถานที่พักและเปลี่ยนสินค้า จากหลักฐานทางโบราณคดีทั้งเมืองนครชัยศรีและเมืองกำแพงแสน แสดงให้เห็นว่าประชาชนนับถือทั้งศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู:56–59
สมัยสุโขทัย
ในสมัยสุโขทัยยังไม่ปรากฏชื่อนครปฐม เมืองนครปฐมโบราณในสมัยสุโขทัยมีฐานะอยู่ใต้การปกครองของสุโขทัย และยังให้ความสำคัญกับเมือง มีการบูรณะมหาเจดีย์และซ่อมแซมพระพุทธรูป ดังปรากฏว่าในศิลาจารึกวัดศรีชุม[5]:59 โดยเรียกเมืองนครปฐมโบราณว่า นครพระกฤษณ์
สมัยอยุธยา
ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เป็นช่วงเวลาที่พม่ายกทัพมาโจมตีอยุธยาหลายครั้ง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้รวมพื้นที่เมือง 3 เมืองขึ้นเป็นเมือง และตั้งชื่อตามเมืองโบราณว่า เมืองนครชัยศรี เป็นเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อเตรียมการระดมไพร่พลเพื่อรับศึกและควบคุมไพร่ไม่ให้หลบหนี ยังเป็นเมืองที่มีย่านการค้าและรับสินค้าจากภายนอกเข้ามาขาย เมืองนครชัยศรีที่ตั้งใหม่เป็นเมืองขนาดเล็กอยู่ห่างจากเมืองนครชัยศรีเดิมไปทางทิศตะวันออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ปรากฏฐานะในกฎหมายตราสามดวงระบุถึงตำแหน่งผู้ปกครอง คือ "ออกพระสุนธรบุรียศรีพิไชยสงคราม" เมืองนครชัยศรีอยู่ในฐานะเมืองจัตวา เป็นเมืองในเขตการปกครองชั้นในและเมืองในวงราชธานี เช่นเดียวกับเมืองราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสมุทรสาคร
จากหลักฐานทางโบราณคดีในยุคนี้ สันนิษฐานว่าวัดกลางบางแก้วน่าจะเป็นวัดประจำเมืองนครชัยศรีสมัยอยุธยา วัดในสมัยอยุธยา ได้แก่ วัดศรีมหาโพธิ์ วัดห้วยพลู วัดตุ๊กตา และวัดบางพระ60–61
สมัยธนบุรี
เมืองนครชัยศรีในสมัยธนบุรีมีความสำคัญด้านสงคราม เป็นเส้นทางเดินทัพของพม่า ผู้ครองเมืองนครชัยศรีเป็นผู้มีความสามารถในการรบ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ยกฐานะเจ้าเมืองเป็นพระยานครชัยศรี ในภาวะขาดแคลนข้าว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ขุนนางควบคุมไพร่ออกบุกเบิกพื้นที่โดยรอบ รวมถึงเมืองนครชัยศรี เมืองในสมัยนี้เป็นเมืองขนาดเล็กและเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ:61
สมัยรัตนโกสินทร์
ภาพถ่ายพระปฐมเจดีย์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
จากบันทึกของสังฆราชปาเลอกัว บริเวณเมืองนครชัยศรีมีการตั้งโรงงานน้ำตาลทรายมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเจรจาในสนธิสัญญาเบอร์นี มีชาวจีนมาเป็นกรรมกรในโรงงานและประกอบอาชีพอื่น เช่น เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ชาวจีนได้รวมตัวกันมากขึ้นจนได้ตั้งสมาคมลับหรืออั้งยี่ที่เมืองนครชัยศรี จน พ.ศ. 2390 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) (ต่อมาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)) เข้ามาปราบปรามอั้งยี่:63
จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทรงยังผนวชได้ธุดงค์ไปพบพระปฐมเจดีย์ และทรงเห็นว่าเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ไม่มีที่ใดเทียบเท่า ครั้นเมื่อได้ครองราชย์ จึงโปรดฯ ให้ก่อเจดีย์แบบลังกาครอบองค์เดิมไว้ โดยให้ชื่อว่า “พระปฐมเจดีย์” ทรงปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ให้มีสภาพดี และโปรดฯ ให้ขุดคลองเจดีย์บูชาเพื่อให้การเสด็จมานมัสการสะดวกขึ้น
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนภูมิภาคจาก "กินเมือง" มาเป็น "เทศาภิบาล" โดยรวมเอาหัวเมืองเข้าเป็นกลุ่มเรียกว่า "มณฑล" ให้รวมอำนาจขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย โดยมณฑลนครชัยศรีก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2438 ประกอบด้วยเมืองนครชัยศรี เมืองสุพรรณบุรี และเมืองสมุทรสาคร ตั้งที่ว่าการมณฑลที่เมืองนครชัยศรี และได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ผ่านเมืองนครปฐม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่ารก พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายเมืองจากตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี มาตั้งที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์เหมือนเช่นครั้งสมัยโบราณ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างพระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานและฝึกซ้อมรบแบบเสือป่า โดยโปรดฯ ให้ตัดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย รวมทั้ง สร้างสะพานเจริญศรัทธาข้ามคลองเจดีย์บูชาเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟกับองค์พระปฐมเจดีย์ ตลอดจนสร้างพระร่วงโรจนฤทธิ์ทางด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์และบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ให้สมบูรณ์สวยงามดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน พระองค์โปรดให้เรียกชื่อเมืองนครปฐม ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานนามพระราชวังว่า "ปฐมนคร" และได้เปลี่ยนชื่อ จากเมือง "นครไชยศรี" เป็น "นครปฐม" เมื่อ พ.ศ. 2459